Skip to content

Interstellar Group

ในฐานะผลิตภัณฑ์การซื้อขายทางการเงินที่ซับซ้อน สัญญาส่วนต่าง Contracts for Difference (CFDs) มีความเสี่ยงสูงอย่างมากเนื่องจากคุณสมบัติของเลเวอเรจ บัญชีลูกค้าของนักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่มักบันทึกการสูญเสียเงินลงทุนในสัญญาส่วนต่างอย่างรวดเร็ว คุณควรพิจารณาว่า คุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การดำเนินงานของสัญญาส่วนต่าง และสามารถรับความเสี่ยงสูงของการสูญเสียเงินลงทุนได้หรือไม่    

BAY มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 34.30-35.00 ดอลลาร์สร้างฐานต่ำลง

ISG
ประกาศ

เราขอแนะนำให้คุณปฏิบัติตามประกาศทางการตลาดของเรา

.right_news

A WORLD LEADER

IN FX & CFD TRADING

ตลาด
ข่าว

ข้อมูลทางการเงินทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมงและข่าวตลาดโลก

A WORLD LEADER

IN FX & CFD TRADING

การสนับสนุน &
ความรับผิดชอบต่อสังคม

InterStellar Group มีเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทชั้นนำ และมีพลังในการสร้างผลกระทบที่ดีต่อโลก
นอกจากนี้เรายังมุ่งมั่นที่จะตอบแทนสังคม โดยตระหนักถึงคุณค่าของทุกคนเป็นส่วนสำคัญของชุมชนระดับโลกของเรา

A WORLD LEADER

IN FX & CFD TRADING

การสัมนาสดเกี่ยวกับฟอเร็กซ์

A WORLD LEADER

IN FX & CFD TRADING

18

2023-07

Date Icon
2023-07-18
การคาดการณ์สภาวะตลาด
BAY มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 34.30-35.00 ดอลลาร์สร้างฐานต่ำลง

InfoQuest – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.30-35.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.60 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.50-35.22 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 15 เดือน

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ดิ่งลง หลังข้อมูลบ่งชี้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป ปรับขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราการปรับขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ชะลอลงสู่ 4.8% นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย.ขยับขึ้นน้อยที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กำลังเข้าใกล้จุดสิ้นสุดวัฏจักรการคุมเข้มนโยบาย

ทั้งนี้ ตลาดสัญญาล่วงหน้า สะท้อนว่ามีโอกาส 96% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bp สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. ซึ่งตลาดมองว่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยรอบสุดท้าย โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 514 ล้านบาท และ 3,527 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ ระบุว่า นักลงทุนจะติดตามข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางการจีนภายในเดือนนี้ อนึ่ง ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนได้สร้างฐานใหม่หลังดัชนีดอลลาร์กลับเข้าสู่กรอบที่เคยซื้อขายในช่วงก่อนเกิดภาวะเงินเฟ้อโลกพุ่งขึ้นเมื่อเดือนมี.ค.ปี 65 โดยยิ่งเฟดส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ยิ่งจะทำให้ตลาดมองไปถึงการลดดอกเบี้ยในปี 67 อย่างรวดเร็วมากขึ้น

เราคาดว่าแรงส่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะแผ่วลง โดยเฉพาะการลดลงของระดับการออมส่วนเกินของผู้บริโภค ซึ่งตรงข้ามกับการออมส่วนเกินระดับสูงในยุโรป และประเทศพัฒนาแล้วแห่งอื่นๆ สถานการณ์เช่นนี้ สนับสนุนมุมมองหลักของเราที่ว่า เงินดอลลาร์มีแนวโน้มผันผวนในเชิงอ่อนค่า โดยอาจมีการฟื้นตัวสลับกลับขึ้นมาได้บ้างชั่วคราวระหว่างทาง

สำหรับปัจจัยในประเทศ ตลาดการเงินจะให้ความสนใจกับการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบสอง แนวทางการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายด้านเศรษฐกิจต่อไป โดยหากในสัปดาห์นี้มีความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ มากขึ้น อาจส่งผลบวกต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย และความต้องการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินบาทได้เช่นกัน

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

InfoQuest – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.85-34.60 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.11 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.06-34.52 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับเงินยูโรและเงินปอนด์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใกล้จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

อย่างไรก็ดี ตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด แต่มาตรวัดเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ทางด้านเงินเยนร่วงลงอย่างรุนแรงหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษต่อไป โดย BOJ คงเป้าหมายดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภท 10 ปีไว้ที่ราว 0% โดยเปิดโอกาสให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร เคลื่อนไหวภายในกรอบ -0.5% ถึง 0.5% ตามเดิม ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 3,956 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 5,404 ล้านบาท โดยในเดือน เม.ย.เงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.2% ขณะที่สกุลเงินภูมิภาคปรับตัวกระจัดกระจาย

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ ระบุว่า เหตุการณ์สำคัญอยู่ที่การประชุมเฟดวันที่ 2-3 พ.ค. ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bp สู่ 5.00-5.25% และจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของวัฎจักรท่ามกลางความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของภาคธนาคารแม้อัตราเงินเฟ้อยังลดลงช้าก็ตาม โดยนักลงทุนจะให้ความสนใจกับการสื่อสารของเฟดเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในระยะถัดไป

นอกจากนี้ยังมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 4 พ.ค.ซึ่งคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 25bp และยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกสักพักหนึ่ง รวมถึงข้อมูลการจ้างงานเดือน เม.ย.ของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในความสนใจของตลาดเช่นกัน อนึ่ง ตลาดการเงินในประเทศเปิดทำการเพียง 2 วันในสัปดาห์นี้ โดยผลการประชุมธนาคารกลางและตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญต่างๆจะส่งผลให้ตลาดโลกมีแนวโน้มผันผวนสูงช่วงคาบเกี่ยววันหยุดของไทย

ส่วนปัจจัยในประเทศ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อเดือน เม.ย.ของไทยซึ่งคาดว่าจะชะลอลงต่อเนื่อง ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน มี.ค.เกินดุลสูงสุดรอบ 37 เดือนที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากมูลค่าการส่งออกหดตัวน้อยกว่าคาด ส่วนเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนเดือน มี.ค.ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า แต่เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนลดลง โดย ธปท.ให้ความเห็นว่าระยะข้างหน้าต้องติดตามเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น รวมถึงการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ล่าสุด
ข่าว